UFABETWIN “จีน – เกาหลีใต้” : ความขัดแย้งในวงการกีฬาที่ปะทุในโอลิมปิกฤดูหนาว

จีน-เกาหลีใต้ สองประเทศจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก ถือเป็นเพื่อนบ้านที่ความสัมพันธ์ฉันมิตรมาอย่างยาวนาน แม้ทั้งสองจะอยู่ขั้วตรงข้ามในยุคสงครามเย็น แต่ด้วยประวัติศาสตร์แง่ลบที่มีต่อญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือ จีนถือเป็นเพื่อนที่ดีของเกาหลีใต้มาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของทั้งสองทรุดหนักลงไปมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นำมาสู่กระแสต่อต้านจีนที่แพร่หลายในเกาหลีใต้ และยังลุกลามมากขึ้นไปอีกจากเหตุการณ์อื้อฉาวที่เกิดขึ้นในโอลิมปิกฤดูหนาว 2022

เมื่อประเทศจีนถูกกล่าวหาว่ากำลังเดินหน้าฉกฉวยวัฒนธรรมของชาวเกาหลี แถมยังล็อกผลการแข่งขันกีฬาสเก็ตความเร็วสูง ซึ่งนำมาสู่การตกรอบอันน่ากังขาของนักกีฬาเกาหลีใต้ และการคว้าเหรียญทองแบบไร้คู่แข่งของผู้เล่นชาวจีน

เหตุเกิดเพราะชุดฮันบก

ความขัดแย้งระหว่างจีนและเกาหลีใต้ที่เกิดขึ้นในโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ปะทุขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่มหกรรมกีฬาครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังหญิงชาวจีนคนหนึ่งสวมใส่ชุดฮันบก เครื่องแต่งกายประจำชาติของชาวเกาหลี เดินในพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้

โดยชาวจีนที่สวมใส่ชุดฮันบกเป็นส่วนหนึ่งของขบวนพาเหรดที่เจ้าภาพเตรียมไว้ เพื่อแสดงถึงบรรดาชาติพันธุ์มากกว่า 50 กลุ่มที่อาศัยอยู่ในประเทศ และแต่ละชาติพันธุ์จะสวมใส่ชุดพื้นเมืองที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม ชุดฮันบก อันเป็นเครื่องแต่งกายที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของชาวเกาหลีกลับปรากฏอยู่ในขบวนพาเหรดครั้งนี้ด้วย

การปรากฏตัวของชาวจีนภายใต้ชุดฮันบกครั้งนี้สร้างความไม่พอใจแก่ชาวเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก โดยชาวเกาหลีใต้เชื่อว่า นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ประเทศจีนต้องการแสดงความเป็นเจ้าของต่อวัฒนธรรมของชาวเกาหลี โดยก่อนหน้านี้ประเทศจีนก็เคยกล่าวอ้างว่าพวกเขาคือผู้นำอุตสาหกรรมกิมจิในระดับโลกไม่ใช่เกาหลีใต้

“พวกคุณกำลังขโมยวัฒนธรรมของเรา” นี่คือคำกล่าวที่ชาวเกาหลีใต้ใช้โจมตีประเทศจีน กรณีที่เกิดขึ้นในโอลิมปิกฤดูหนาวก็เช่นเดียวกัน โดย อี โซยอง นักการเมืองฝั่งเสรีนิยมของเกาหลีใต้ได้กล่าวโจมตีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ถือเป็นการกระทำที่หยาบคายและนับได้ว่าเป็นการฉกฉวยวัฒนธรรมที่ประเทศจีนแสดงต่อเกาหลีใต้

“เราเสียใจเป็นอย่างมากที่ชุดฮันบกปรากฏขึ้นเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศจีน ซึ่งปรากฏในพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเทศจีนพยายามนำเสนอวัฒนธรรมของชาวเกาหลี ราวกับว่าพวกเขาเป็นเจ้าของมันอยู่” อี โซยอง แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กของตน

ทางฝั่งประเทศจีนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าการสวมใส่ชุดฮันบกของนักกีฬาจีนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการฉกฉวยวัฒนธรรม โดยสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงโซล แถลงการณ์ปกป้องการกระทำของนักกีฬาครั้งนี้ซึ่งเป็น “ความต้องการของกลุ่มชาติพันธุ์” เนื่องจากพวกเขาต้องการแสดงเชื้อสายเกาหลีที่ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของตน

“หากนั่นเป็นความต้องการของพวกเขา นี่ถือเป็นสิทธิ์ของตัวแทนแต่ละชาติพันธุ์ในประเทศจีนที่จะสวมใส่เครื่องแต่งกายตามประเพณี เมื่อพวกเขาเข้าร่วมมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติและกิจกรรมครั้งสำคัญของประเทศอย่าง โอลิมปิกฤดูหนาว ในกรุงปักกิ่ง” สถานเอกอัครราชทูตจีนชี้แจงการกระทำอันอื้อฉาวที่เกิดขึ้น

สถานเอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่า นักกีฬาคนดังกล่าวถือเป็นชาวโชซอนจก ชาติพันธุ์ที่สืบเชื้อสายมาจากชาวเกาหลีที่มาอาศัยอยู่ในประเทศจีน โดยชาติพันธุ์โชซอนจกมีประชากรมากถึง 2 ล้านคน ส่วนใหญ่คือชาวเกาหลีเหนือที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนติดกับประเทศจีน ก่อนอพยพจากบ้านเกิดมาอาศัยอยู่ในประเทศมหาอำนาจทางตอนเหนือ

ซึ่งชาวโชซอนจกถือเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้การรับรองจากรัฐบาลจีน ดังนั้นแล้ว ภาษาและวัฒนธรรมของพวกเขาจะไม่ถูกละเมิดโดยส่วนกลาง (แตกต่างจากชาวอุยกูร์)

จีนไม่เพียงแต่ปกป้องการกระทำของนักกีฬารายดังกล่าว แต่ยังตอบโต้การวิพากษ์วิจารณ์ของเกาหลีใต้แบบตาต่อตา โดยจีนกล่าวยืนยันว่าพวกเขาให้ความเคารพต่อประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และประเพณีของชาวเกาหลีเสมอ ดังนั้นแล้ว ชาวเกาหลีใต้ควรจะ “แสดงความเคารพ” ต่อการตัดสินใจของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศจีนบ้าง

เกาหลีใต้ถูกปรับแพ้เพื่อช่วยจีนได้เหรียญทอง?

 

UFABETWIN

 

แม้ความขัดแย้งระหว่างจีนและเกาหลีใต้จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรกของโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 แต่ความบาดหมางระหว่างชาตินี้ก็สามารถบรรเทาลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการแข่งขันกีฬาซึ่งปัจจุบันมีนัยยะทางการเมืองเป็นการสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดำเนินไปได้ด้วยความเป็นมิตรและน้ำใจนักกีฬา แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกรุงปักกิ่งจะไม่ได้เป็นแบบนั้น

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ เกิดข่าวใหญ่ในวงการกีฬาฤดูหนาว เมื่อสองนักกีฬาสเก็ตความเร็วสูงชาวเกาหลีใต้ อย่าง ฮวัง แดฮอน และ อี จุนซอ ถูกปรับแพ้ฟาวล์ และปรับตกรอบจากการแข่งขัน หลังนักกีฬาทั้งสองรายจบการแข่งขันเป็นอันดับหนึ่งและสอง ในการแข่งขันสเก็ตความเร็วสูงระยะทาง 1,000 เมตร รอบรองชนะเลิศ

คณะกรรมการได้ชี้แจงว่า ฮวัง แดฮอน ถูกปรับแพ้ฟาว์เนื่องจากในจังหวะที่เขาแซงนักกีฬาชาวจีนเพื่อขึ้นเป็นผู้นำของเรซ ตัวเขามีการปะทะกับผู้แข่งขันรายอื่นซึ่งถือเป็นการวิ่งที่ผิดกติกา ส่วน อี จุนซอ ถูกปรับแพ้ฟาวล์เนื่องจากเปลี่ยนเลนวิ่งโดยผิดกติกา จนนำมาสู่การปะทะกับผู้เข้าแข่งขันรายอื่น

ผลลัพธ์ของการตัดสินครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้นักกีฬาเกาหลีใต้อดคว้าเหรียญรางวัลตามที่ตั้งใจ แต่ยังทำให้สองนักกีฬาตัวเต็งของจีน อย่าง เร็น ฉีเว่ย และ ลี เวินลอง ก้าวไปคว้าเหรียญเงินและเหรียญทองตามลำดับ ซึ่งในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ทั้งสองรายคือนักสเก็ตที่โดน ฮวัง แดฮอน แซง จนนำมาสู่ประเด็นที่ทำให้ฝ่ายหลังถูกปรับแพ้

คำตัดสินในครั้งนี้ส่งผลให้ความสัมพันธ์ด้านกีฬาระหว่างจีนและเกาหลีใต้ร้าวฉานถึงขีดสุด นักการเมืองในรัฐสภาเกาหลีใต้ออกมาประณามฝ่ายจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้ว่า ควรมีความละอายแก่ใจเสียบ้างที่ทำทุกทางเพื่อเปลี่ยนมหกรรมกีฬาระดับโลกให้กลายเป็น “มหกรรมกีฬาพื้นบ้านของจีน”

ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์ในเกาหลีใต้ได้พาดหัวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยคำว่า “ปล่อยให้พวกคนจีนมันเอาเหรียญทองไปให้หมด” ส่งผลให้ความไม่พอใจต่อการตัดสินที่พวกเขามองว่าไม่เป็นธรรมรุนแรงขึ้นไปอีก ซึ่งนักกีฬาสเก็ตความเร็วสูง อย่าง กวัก ยุนกี เปิดเผยถึงความรู้สึกแบบตรงไปตรงมาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจว่ามีใครสักคนกำลังล็อกผลการแข่งขันครั้งนี้อยู่

“ผมมองไปยังวิธีการที่จีนเลือกใช้เพื่อจะคว้าเหรียญทองกลับมา มันทำให้ผมรู้สึกเศร้ามากที่รุ่นน้องในทีมของผมต้องทนเห็นอะไรแบบนั้น ผมคิดกับตัวเองนะว่า การคว้าเหรียญทองมันมีความหมายแค่นี้เองหรือ? ทุกอย่างมันดูว่างเปล่าไปหมด” กวัก ยุนกี ให้สัมภาษณ์แบบต่อสายตรงจากประเทศจีน

“ผมแค่สงสัยว่าหากชาติอื่นตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับที่เกิดขึ้นกับประเทศจีนในวันนี้ พวกเขาจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศได้ง่ายแบบนี้เลยหรือเปล่า?”

คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งเกาหลีใต้ยืนยันว่าพวกเขาจะส่งคำร้องไปยังศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา เพื่อปกป้องนักกีฬาจากความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธที่จะกระทำการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อตอบโต้ประเทศจีนโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจแก่ชาวเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดการชุมนุมของชาวเกาหลีใต้หน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงโซล ซึ่งผู้ประท้วงได้แขวนธงชาติจีนที่ถูกฉีกขาดจนมีสภาพยับเยิน พร้อมกับเขียนป้ายที่มีคำว่า “กลับบ้านไปไอ้พวกจีน” เพื่อเป็นการตอบโต้การตัดสินที่ไม่ยุติธรรมซึ่งเกิดขึ้นต่อนักกีฬาสเก็ตความเร็วสูงชาวเกาหลีใต้ในโอลิมปิกฤดูหนาว 2022

ภาพสะท้อนของความสัมพันธ์อันย่ำแย่

การฉกฉวยวัฒนธรรมและการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ถือเป็นภาพสะท้อนที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเกาหลีใต้ที่ย่ำแย่ลงไปทุกวัน และเมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความบาดหมางที่ปะทุขึ้นในมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติครั้งนี้ อาจเป็นสิ่งที่กล่าวได้ว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

 

UFABETWIN

 

ย้อนกลับไปยังปี 2017 จีนสร้างความไม่พอใจแก่ชาวเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก หลังประเทศมหาอำนาจสีแดงเลือกใช้มาตรการปิดล้อมทางเศรษฐกิจแบบไม่เป็นทางการต่อเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการโต้ตอบที่ฝ่ายหลังซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาปกป้องประเทศจากการโจมตีของเกาหลีเหนือ

โดยจีนให้เหตุผลว่า ระบบป้องกันที่เกาหลีใต้ซื้อจากสหรัฐอเมริกา นั่นคืออาวุธมิสไซล์ซึ่งสามารถโจมตีศัตรูทางอากาศได้จากระยะไกล ซึ่งถือเป็นภัยต่อความปลอดภัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ยิ่งไปกว่านั้น การติดตั้งอาวุธจากสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการโจมตีเข้าไปในพื้นที่ของประเทศจีน

คำสั่งมาตรการปิดล้อมทางเศรษฐกิจแบบไม่เป็นทางการ ส่งผลให้จีนไม่อนุญาตให้มีการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนในเกาหลีใต้ลดลงไป 70 เปอร์เซ็นต์ ภายในปีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น จีนยังออกคำสั่งให้ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติเกาหลีใต้ที่ดำเนินธุรกิจในจีนยุติกิจการ ส่งผลให้ร้านค้าของบริษัท เกือบทั้งหมดในจีนต้องปิดตัวลง

ชาวเกาหลีใต้เองก็ไม่พอใจการกระทำของจีนเช่นเดียวกัน โดยมีคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่รู้สึกไม่พอใจการปราบปรามผู้ชุมนุมชาวฮ่องกงด้วยความรุนแรงของรัฐบาลจีน และความไม่พอใจของชาวเกาหลีใต้ที่มีต่อชาวจีนยังเพิ่มสูงขึ้นมาก หลังเกิดวิกฤตโควิด-19 รวมถึงนโยบายทางการทูตแบบตาต่อตาฟันต่อฟันของจีน ซึ่งทำให้ชาวเกาหลีใต้รู้สึกว่าจีนพยายามทำตัวเป็นศัตรูของชาติมาโดยตลอด

ผลสำรวจในปี 2020 โดยแสดงให้เห็นว่า จีน เป็นประเทศที่ชาวเกาหลีใต้มีความรู้สึกในแง่ลบด้วยมากที่สุด แซงหน้า ญี่ปุ่น ที่เคยเข้าปกครองประเทศในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เกาหลีเหนือ ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยมีผู้ทำสำรวจ 58.1 เปอร์เซ็นต์ มีความรู้สึกว่า จีนเป็นชาติที่เลวร้ายและอันตราย และมีเพียงแค่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ ที่รู้สึกว่าจีนเป็นประเทศที่ดีและพึ่งพาได้

ความเกลียดชังของชาวเกาหลีใต้ที่มีต่อประเทศจีนยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2015 มีชาวเกาหลีใต้เพียง 37 เปอร์เซ็นต์ที่มีความรู้สึกไม่ชอบประเทศจีน แต่ในปี 2020 มีชาวเกาหลีใต้มากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ที่พูดได้เต็มปากว่า เกลียดประเทศจีน

กระแสต่อต้านจีนจึงกลายเป็นความเคลื่อนไหวที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนรุ่นใหม่ที่เกิดและเติบโตในสภาพสังคมเสรีนิยมประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ แตกต่างจากคนเกาหลีใต้รุ่นก่อนที่เคยอยู่ใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกา ชาวเกาหลีใต้รุ่นใหม่จึงไม่พอใจการใช้อำนาจเด็ดขาดของจีนและพยายามต่อต้านประเทศแห่งนี้อย่างถึงที่สุด

โอลิมปิกฤดูหนาว 2022 จึงสร้างความกังวลให้แก่ชาวเกาหลีส่วนหนึ่ง แม้การแข่งขันจริงจะยังไม่ทันได้เริ่มต้น แต่ก็มีโอกาสที่เวทีแห่งนี้จะสร้างเหตุการณ์ซึ่งกระตุ้นให้กระแสต่อต้านจีนในเกาหลีใต้ลุกลามมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้กำลังจะมาถึงในเดือนมีนาคม ปี 2022 และมีบางพรรคการเมืองที่พร้อมจะเดินหน้านโยบายต่อต้านจีน เพื่อคว้าคะแนนเสียงโค้งสุดท้ายเข้ากระเป๋า

ยุน ซอกยอล ผู้สมัครตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคฝั่งอนุรักษ์นิยม ยืนยันชัดเจนว่า เขาพร้อมจะใช้นโยบายที่มีความแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้นต่อประเทศจีน พร้อมกับเดินหน้าปกป้องค่านิยมสากลของทุกประเทศทั่วโลก นั่นคือการรักษาไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนและเสรีนิยมประชาธิปไตย

ขณะเดียวกันนักการเมืองหนุ่มวัย 36 ปี จากจากพรรคฝั่งอนุรักษ์นิยม อย่าง อี จุนซอก ได้กลายเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่อย่างรวดเร็ว เมื่อเขาแสดงความตั้งใจอย่างชัดเจนว่าถึงเวลาแล้วที่เกาหลีใต้จะต้องลุกขึ้นต่อสู้กับศัตรูของประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันที่จีนแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของพวกเขาต่อชาวฮ่องกง

แม้แต่ผู้สมัครประธานาธิบดีจากฝั่งพรรคเสรีนิยม อย่าง อี แจมยอง ซึ่งยืนยันโดยตลอดว่าปฏิเสธจะเลือกข้างระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งยังเลือกจะสานสัมพันธ์กับจีนเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าเอาไว้ ยังออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เพื่อตอบโต้การปรากฏขึ้นของชุดฮันบกในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวที่ผ่านมา

“ได้โปรดอย่าแสดงความละโมบที่มีต่อวัฒนธรรมของเรา ผมยืนหยัดเพื่อต่อต้านการฉกฉวยวัฒนธรรมทุกรูปแบบ” อี แจมยอง นักการเมืองหัวก้าวหน้า แสดงจุดยืนของเขาต่อเหตุการณ์อันอื้อฉาวในโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง

ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองชาติในโอลิมปิกฤดูหนาวจึงถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของจีนและเกาหลีใต้จากเดิมที่เคยถูกมองว่าเป็นชาติบ้านใกล้เรือนเคียงที่เต็มไปด้วยมิตรภาพอันดี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศัตรูที่ผู้คนเกลียดชังหมายเลขหนึ่ง

น่าสนใจเหลือเกินว่า จีน และ เกาหลีใต้ จะมีวิธีกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาที่เกาหลีใต้กำลังจะได้ประธานาธิบดีคนใหม่ เพราะถ้าทั้งสองประเทศไม่รีบพูดคุยกันตั้งแต่วันนี้ กระแสต่อต้านอาจจะยิ่งขยายตัวขึ้นเป็นวงกว้าง และความบาดหมางระหว่างทั้งสองชาติจะถูกแสดงออกมาในทุกแวดวง ไม่เว้นแม้แต่วงการกีฬาด้วยเช่นกัน

UFABETWIN